기사한줄요약
게시물 내용
สำหรับครอบครัวพหุวัฒนธรรมที่ต้องการเชิญสมาชิกในครอบครัวบ้านเกิดมาเกาหลีด้วยเหตุผลหลายประการ
กระทรวงยุติธรรมได้ประกาศ ออกวีซ่า F-1-5 ฉบับแก้ไขใหม่ในวันที่
6 ธันวาคม ที่ผ่านมา จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม ได้มีการจัดทำขึ้นใหม่ในรูปแบบคำถามและ
คำตอบเพื่อให้เข้าใจง่าย
(คำถามที่ 1) ขั้นตอนการเข้าประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
(คำตอบที่ 1) จนถึงปัจจุบัน
หลังจากได้รับวีซ่าระยะสั้นจากสถานทูตในต่างประเทศ หลังจากเข้าประเทศ(หรือเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า)
ให้เข้าไปที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและเปลี่ยนสถานภาพการพำนักเป็นวีซ่าเยี่ยมเยียนและอาศัยอยู่ร่วมกัน
(F- 1-5) จากนี้ไปท่านต้องได้ รับวีซ่าเยี่ยมเยียนและอาศัยอยู่ร่วมกัน(F-1-5) จากสถานทูตในต่างประเทศก่อนเข้าประเทศเกาหลี
(คำถามที่ 2) เหตุผลที่ขั้นตอนการเข้าประเทศเปลี่ยนไปคืออะไร (การเปลี่ยนแปลงสถานะ → การออกวีซ่า)?
(คำตอบที่ 2) วีซ่าระยะสั้น(รวมไม่ต้องขอวีซ่า)
ออกให้สำหรับผู้ที่มาเกาหลีชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว, เยี่ยมญาติ, เข้าร่วมกิจกรรมและ
การประชุมต่างๆ ดังนั้นผู้ที่เข้าประเทศเกาหลีด้วยวีซ่าระยะสั้นสามารถอยู่ในเกาหลีได้นานถึง
90 วัน และโดยหลักการแล้วจะไม่สามารถ เปลี่ยนเป็นสถานะการพำนักอื่นได้
ในอดีต
ครอบครัวประเทศบ้านเกิดได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะการพำนักเป็น ‘สถานะ
F-1-5’ ในเกาหลีเป็นข้อยกเว้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่ต้องการเชิญสมาชิกในครอบครัวจากประเทศบ้านเกิด
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือในการเลี้ยงดูลูกของบุตร กำลังประสบปัญหาเนื่องจากการออกวีซ่าระยะสั้น
(รวมไม่ต้องขอวีซ่า) ถูกจำกัดหลังจากโควิด19
(คำถามที่ 3) ระยะเวลาการพำนักและจำนวนครั้งการเชิญเปลี่ยนไปอย่างไร?
(คำตอบที่ 3) จนถึงปัจจุบัน
ครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่เข้าประเทศเกาหลีเพื่อช่วยเหลือญาติ ได้รับอนุญาตให้สามารถพำนักใน
เกาหลีได้ ภายใน 4 ปี 10 เดือน นับจากวันที่เข้าประเทศ อย่างไรก็ตามในอนาคต ครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่เข้าประเทศเกาหลี
เพื่อวัตถุประสงค์ในการเลี้ยงดูลูกของบุตร สามารถอยู่ในเกาหลีได้ภายในขอบเขต 3 ปี นับจากวันที่เข้าประเทศ อย่างไรก็ตาม ‘ครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว’ และ ‘ครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่มีบุตรหลายคน(บุตรที่ยังไม่
บรรลุนิติภาวะตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป)’ สามารถพำนักในเกาหลีได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ในปีที่บุตรมีอายุ 13 ปี ดังนั้นสามารถขยายระยะเวลา การพำนักให้นานขึ้นได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งของการเชิญ ในกรณีที่เข้าประเทศเกาหลีเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตรของ
‘ครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐาน
จากการสมรสที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว’ และ ‘ครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่มีบุตรหลายคน(บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตั้งแต่
3 คน ขึ้นไป)’
ครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสอื่นๆ
สามารถเชิญบุตรได้สูงสุด 2 ครั้งต่อคน
ดังนั้นหากท่านมีบุตรหลายคน สามารถเชิญเพิ่มได้ ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งการเชิญ ในกรณีมาเพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่ป่วยหนักหรือทุพพลภาพ
(คำถามที่ 4) สถานะการเชิญมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
(คำถามที่ 4) จนถึงขณะนี้
ยังไม่มีเกณฑ์ที่แยกจากกันเกี่ยวกับสถานะการเชิญ ดังนั้น ‘คู่สมรสหรือบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ’ ของชาวเกาหลี
จึงเชิญครอบครัวจากประเทศบ้านเกิด ในอนาคตไม่เพียงแต่คู่สมรสชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่ได้รับ
สัญชาติเกาหลีหรือได้รับสถานะการพำนักถาวร (F-5-2)
สามารถเชิญครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดของตนได้ ผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรส
ของครอบครัวที่มีพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวสามารถเชิญครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดได้ แม้ว่าจะไม่ได้รับสัญชาติเกาหลีหรือสถานะการพำนักถาวร
(F-5-2)
(คำถามที่ 5) ขอบเขตของครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่สามารถเชิญได้แตกต่างไปจากเดิมหรือไม่?
(คำตอบที่ 5) ใช่ แตกต่างไปจากเดิม
จนถึงปัจจุบัน ขอบเขตของครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่สามารถเชิญเพื่อวัตถุประสงค์ในการ
เลี้ยงดูลูกของบุตรนั้น จำกัดอยู่ที่พ่อแม่ของผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสหรือญาติทางสายเลือดผู้หญิงเพียง
1 คน ภายในระดับลูกพี่ลูกน้อง (เมื่อตรวจสอบเหตุผลที่ไม่สามารถเข้าประเทศได้ของพ่อแม่
เช่น อายุ, โรคภัยไข้เจ็บ เป็นต้น)
ในอนาคต
สามารถเชิญพ่อแม่หรือพี่น้องของผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรสได้ และในกรณีของผู้หญิงย้ายถิ่นฐานจากการสมรสที่แต่งงานใหม่
และเข้าประเทศเกาหลี บุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้วจากการสมรสครั้งก่อน (เมื่อตรวจสอบเหตุผลที่ไม่สามารถเข้าประเทศได้ของพ่อแม่
เช่น อายุ, โรคภัยไข้เจ็บ เป็นต้น) สามารถเชิญได้ 1 คน
อีกด้วย
(คำถามที่ 6) แม้ว่าจะเข้าประเทศเกาหลีโดยไม่ได้ออก ‘วีซ่า F-1-5’ สามารถเปลี่ยนเป็น ‘สถานะ F-1-5’ ในประเทศเกาหลีได้หรือไม่ แม้ว่าฉันจะเข้าเกาหลีโดยไม่มีวีซ่า 'F-1-5'
(คำตอบที่ 6) หากเข้าประเทศเกาหลีโดยไม่ได้รับการออก
‘วีซ่า
F-1-5’ จะไม่สามารถเปลี่ยนสถานะการพำนักเป็น ‘สถานะ F-1-5’ ในเกาหลีได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับวีซ่าเยี่ยมเยียนระยะสั้นก่อนที่การดำเนินการออก ‘วีซ่า
F-1-5’ (ก่อนที่จะเปลี่ยนระบบ) สามารถใช้กฎระเบียบเดิม เพื่อขออนุญาตเปลี่ยนสถานะการพำนักได้
นอกจากนี้
แม้ว่าระบบจะเปลี่ยนแปลงไป หากผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรส(หรือคู่สมรสชาวเกาหลี) ตั้งครรภ์หลังจากเข้าประเทศเกาหลี
หลังจากได้รับวีซ่าเยี่ยมเยียนระยะสั้น ยกเว้นในกรณีที่ผู้ย้ายถิ่นฐานจากการสมรส, คู่สมรสชาวเกาหลีและบุตรมี
‘โรคร้ายแรง’ หรือ
‘ทุพพลภาพขั้นรุนแรง’ สามารถได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะการพำนักได้
(คำถามที่ 7) จำนวนครั้งของการเชิญรวมกับผู้ที่เข้าประเทศเกาหลีด้วยวีซ่าระยะสั้นในอดีต และได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะการพำนักเป็น ‘สถานะ F-1-5’ หรือไม่?
(คำตอบที่ 7) ผู้ที่ได้รับวีซ่าระยะสั้นในอดีตและเข้าประเทศ(หรือเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า)
และได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะ การพำนักเป็น ‘สถานะ F-1-5’ จะไม่รวมอยู่ในจำนวนครั้งของการเชิญ
(คำถามที่ 8) จะเกิดอะไรขึ้นหากครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่เข้าประเทศทำงานอย่างผิดกฎหมาย?
(คำตอบที่ 8) กรณีที่ครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดทำงานอย่างผิดกฎหมายในเกาหลี
โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ทำกิจกรรมอื่นนอกเหนือ จากสถานะการพำนัก จะถูกสั่งให้ออกจากประเทศหรือถูกเนรเทศหลังจากได้รับแจ้งการลงโทษ
นอกจากนี้ผู้เชิญจะถูกจำกัดไม่ให้เชิญ ครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดเพื่อวัตถุประสงค์ในการออก
‘วีซ่า
F-1-5’ เป็นระยะเวลาที่กำหนดนับจากนี้ไป
(คำถามที่ 9) จะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนสถานะการพำนักเป็น ‘สถานะ F-1-5’ หลังจากเข้าประเทศเกาหลีด้วยวีซ่าระยะสั้น?
(คำตอบที่ 9) ในกรณีนี้คือ ‘ระยะเวลาการพำนัก (4 ปี 10 เดือน นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศ, จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมในปีที่บุตรมีอายุ 7 ปี)’ ก่อนการเปลี่ยนแปลงระบบหรือ ‘ระยะเวลาการพำนัก (3 ปีนับจากวันที่เข้าประเทศ, จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมของปีที่บุตรมีอายุ 10 ปี)’ หลังจากเปลี่ยนระบบ อาจใช้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อผู้สมัครได้ อย่างไรก็ตามเงื่อนไข ‘ระยะเวลาการเข้าพัก’ สองรายการไม่สามารถใช้ร่วม กันได้ เช่น ตามเกณฑ์ก่อนการเปลี่ยนแปลง ครอบครัวจากประเทศบ้านเกิดที่ประสงค์จะพำนักในเกาหลีเป็นเวลา 4 ปี 10 เดือน นับจากวันที่ เข้าประเทศ ไม่สามารถพำนักได้จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมของปีที่บุตรอายุครบ 10 ปี (พำนักจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมของปีที่อายุครบ 7 ปี)
นักข่าว อี จีอึน
댓글
0