기사한줄요약
게시물 내용
<ดอย (ซ้าย) กำลังรณรงค์ให้อาชีพสักเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย>
<bbc>เขาเป็นหนึ่งในศิลปินสักที่โด่งดังที่สุดของเกาหลีใต้ และเคยสักให้กับคนดังในวงการฮอลลีวูดมาแล้วหลายคนอย่าง แบรด พิตต์, ลิลี คอลลินส์ และสตีเวน ยอน
แต่เมื่อเดือนนี่แล้ว ดอย
ต้องขึ้นศาลในกรุงโซล เพราะการที่ทำงานสัก
หลังจากที่คลิปวิดีโอที่เขาสักให้กับนักแสดงหญิงเกาหลียอดนิยมคนหนึ่งกลายเป็นไวรัล
ดอยถูกตัดสินว่า กระทำผิดกฎหมายการแพทย์และถูกปรับ 5 ล้านวอน (ประมาณ 1.4 แสนบาท)
คดีที่ถูกโจษจันนี้ทำให้ผู้คนในเกาหลีใต้หันมาสนใจกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการสักอีกครั้ง
และพื้นที่สีเทาที่ช่างสักทำงานอยู่
"ตอนผมอยู่ต่างประเทศ ทำงานกับคนดัง ๆ
อย่างแบรด พิตต์ ผู้คนเรียกผมว่า 'ศิลปิน'" ดอย ซึ่งมีชื่อจริงว่า โด ยุน คิม
กล่าวกับบีบีซี
"แต่เมื่อผมกลับมาเกาหลี
ผมเป็นคนทำผิดกฎหมาย"
อาชีพที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม
ในอดีต
รอยสักมักจะเกี่ยวข้องกับแก๊งอันธพาล หรืออาชญากรรมบนท้องถนนในเกาหลีใต้
และคนที่มีรอยสักเสี่ยงที่จะตกงาน หรือไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม
จนกระทั่งทุกวันนี้
รอยสักบนร่างกายของนักแสดงก็ยังถูกเบลอทางโทรทัศน์
ในปี 1992 ศาลสูงสุดของเกาหลีใต้กำหนดให้การสักเป็นการปฏิบัติทางการแพทย์
เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อที่มาจากหมึกและเข็มได้
นั่นหมายความว่า
มีเพียงผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้นที่สามารถสักได้
โดยคนเหล่านี้มีจำนวนไม่มากในเกาหลีใต้
และพวกเขามักจะเป็นแพทย์ที่หันมาทำงานสักหรือสักคิ้วกึ่งถาวร
ซึ่งเป็นบริการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้หญิงในประเทศ
ในเกาหลีใต้ มีเพียงผู้ที่มีใบอนุญาตทางการแพทย์เท่านั้นที่สามารถทำการสักได้
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้คนจำนวนมากเลิกเป็นศิลปินสัก
ไม่มีตัวเลขทางการของศิลปินสักในเกาหลีใต้
แต่จากการวิจัยของสถาบันเกาหลีเพื่อกิจการสาธารณสุขและสังคม (Korea Institute for
Health and Social Affairs) ในปี 2019 พบว่า มีช่างสักราว 200,000 คน ในเกาหลี
ผู้ที่ถูกจับเผชิญโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ปี และปรับขั้นต่ำ 1 ล้านวอน (ประมาณ 27,900 บาท)
ช่างสักส่วนใหญ่ทำงานใต้ดิน
ในสถานที่ที่เป็นความลับ แต่หลายคนก็ยังโฆษณาอย่างเปิดเผยผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เจ้าหน้าที่ทางการไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตากวาดล้างสตูดิโอสัก
แต่ถ้ามีคนแจ้งความ ตำรวจจำเป็นต้องดำเนินการจัดการกับพวกเขา
การทำงานอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ
ทำให้ช่างสักเสี่ยงต่อการถูกข่มขู่และแสวงหาประโยชน์จากลูกค้าที่ไม่ดี
มีลูกค้าหลายคนที่ไม่ยอมจ่ายค่าสัก และขู่ว่าจะแจ้งความตำรวจ
ดอย ซึ่งเป็นศิลปินสักมานาน 15 ปี แล้ว กล่าวว่า เขารู้สึกประหม่า
ตอนที่เริ่มทำงานนี้ใหม่ ๆ
"มีความกลัวว่า จะเจอกับลูกค้าอันธพาล ผมกังวลด้วยว่า ผมจะถูกแจ้งความ เพราะมันผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผมเรียนรู้ที่จะกลั่นกรองลูกค้า แล้วก็สามารถที่จะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยได้" ช่างสักวัย 41 ปีกล่าว
เขาได้โพสต์แบบรูปสักที่เขาออกแบบเองทางอินสตาแกรม และสื่อสารกับลูกค้าผ่านทางแอปพลิเคชันกาเกา (Kakao) เขาอยากจะแสดงให้ชาวเกาหลีใต้เห็นว่า ภาพรอยสักที่เขาออกแบบไม่ได้น่ากลัว ดอยเชี่ยวชาญในการสักรูปที่มีขนาดเล็ก และใช้สีอ่อน และมักจะเป็นรูปพืชและสัตว์
สิ้นสุด Instagram โพสต์, 1
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงหลายอย่าง
และตอนนี้ก็มีประวัติอาชญากรรมติดตัวแล้ว
แต่ดอยก็ไม่รู้สึกเสียใจที่เขาเลือกทำในสิ่งที่เขาชื่นชอบ
"ภาพสักทำให้ช่างสักและลูกค้ามีความสัมพันธ์กันตลอดชีวิต
การที่ภาพที่ผมวาดมีความหมายกับใครสักคนทำให้ผมรู้สึกพอใจแล้ว"
ลูกค้าที่เขาจดจำได้ดีที่สุดคือ
หญิงสาวที่แขนทั้งแขนของเธอถูกไฟไหม้ตอนที่อายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น
"เธออยากจะใช้รอยสักปกปิดรอยแผลเป็น ผมจึงวาดรูปสักหลายรูปลงบนแขนของเธอ 5 รอบ ต่อมาผมพบว่า เธอได้โพสต์รูปรอยสักเหล่านั้นทางโซเชียลมีเดียของเธอ โดยบอกว่า นี่คือ 'เรื่องที่ดีที่สุดที่ฉันได้ทำ' ในปีนั้น"
ภาพจำที่กำลังเปลี่ยนไป
ภาพจำเกี่ยวกับรอยสักบนเรือนร่างในสังคมเกาหลีได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
และรอยสักก็กลายเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้นเรื่อย ๆ และถูกมองว่า
เป็นวิธีการสร้างสรรค์และเป็นศิลปะในการแสดงความเป็นตัวเองออกมา
จากการสำรวจในเดือน
มิ.ย. 2021 โดยแกลลัพเกาหลี (Gallup Korea) พบว่า
หนึ่งในสี่ของชาวเกาหลีใต้เคยรับการสัก รวมถึงการสักคิ้วกึ่งถาวร
ราว 70% ของผู้ตอบแบบสอบถาม 1,002 คน เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเบลอภาพรอยสักทางโทรทัศน์
ในเดือน มิ.ย. 2021 ริว โฮจอง สมาชิกสภานิติบัญญัติ สนับสนุนร่างกฎหมายที่จะทำให้การสักเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ด้วยการสักรอยสักที่ลบออกได้บนหลังของเธอ
ดอยได้ใช้จังหวะที่ทัศนคติของผู้คนในสังคมเริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ในการก่อตั้งสหภาพศิลปินสักขึ้นในปี 2020 โดยหวังว่า
จะเป็นก้าวแรกในการทำให้อาชีพนี้กลายเป็นอาชีพที่ถูกกฎหมาย
จนถึงตอนนี้
มีสมาชิกแล้ว 650 คน ในจำนวนนี้ 8 คนเคยถูกดำเนินคดีในอดีต โดยมี 2 คนที่เคยถูกจำคุกมาแล้ว
"ผมอยากให้เพื่อนช่างสักได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย"
เขากล่าว "แล้วก็คนที่รับการสักในเกาหลีมีสิทธิในร่างกายของพวกเขา"
แต่คนบางส่วนในวงการการแพทย์ยังคงกังวล
"การรับการสักหมายถึงการนำสารแปลกปลอมเข้าไปสู่ใต้ผิวหนัง
ผ่านเข็มและวิธีการที่รุกล้ำ ดังนั้นจึงไม่ควรได้รับอนุญาตให้เป็นธุรกิจธรรมดาได้ง่าย
ๆ" จี ฮวาน ฮวาง ที่ปรึกษาของสมาคมการแพทย์เกาหลี (Korean Medical Association) ซึ่งเป็นองค์กรของแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
กล่าว
ดอยโต้แย้งว่า
ความกังวลเช่นนั้นสามารถบรรเทาได้
สหภาพของเขาได้กำหนดแนวปฏิบัติที่ถูกสุขอนามัยขึ้นมา
โดยได้รับความร่วมมือกับโรงพยาบาลในพื้นที่
และได้พยายามที่จะให้การศึกษาแก่คนในวงการสักกว้างขวางมากขึ้นด้วย
ดอยบอกว่า การตัดสินของศาลส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรม
แต่การรณรงค์ในเรื่องนี้ของเขา
อาจจะยุติลงจากคดีความที่เขากำลังเผชิญอยู่ เขากำลังเตรียมตัวอุทธรณ์อยู่ในขณะนี้
เขากล่าวว่า
คำตัดสินนี้ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้อย่างหนัก
"ช่างสักชาวเกาหลีที่มีชื่อเสียงทุกคนกำลังออกจากเกาหลี สตูดิโอใหญ่
ๆ ในต่างประเทศอย่างในนิวยอร์ก หรือ แคนาดา ต้องการตัวพวกเขามาก
และกำลังหาช่างสักเก่ง ๆ ไปทำงานด้วย" เขากล่าว
"สุดท้ายแล้ว การสักก็เป็นเพียงการวาดภาพ
แต่ใช้เรือนร่างของมนุษย์แทนที่จะเป็นผ้าใบ... ช่างสักอุทิศชีวิตให้กับการวาดภาพ
แต่พวกเขากลับได้รับประวัติอาชญากรรม โทษจำคุก
และชีวิตที่ป่นปี้เป็นการตอบแทน"
"ผมแค่อยากจะให้ช่างสักรุ่นใหม่ที่มีความสามารถภูมิใจในงานของตัวเอง
และได้ทำงานอย่างอิสระ เหมือนกับคนทำงานในออฟฟิศทั่วไป"
ที่มา - https://www.bbc.com/thai/international-60008592
댓글
0