สรุปบทความหนึ่งบรรทัด
เนื้อหาประกาศ
เมื่อเร็ว
ๆ นี้ “การติดเชื้อไข้เลือดออกและไวรัสซิกา” ที่เกิดจากยุงลายได้เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เช่น เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และไทย เป็นต้น เมื่อไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่านต้องระวังไม่ให้ยุงกัด <รูปภาพเป็นแผนที่แสดงพื้นที่ที่โรคไข้เลือดออกระบาดมากที่สุด. บล็อกของ Naver>
เฉพาะในปีนี้มี
61 คน ที่กลับมาจากการไปเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับการยืนยันว่าเป็นไข้เลือดออก
และการติดเชื้อไวรัสซิกา 2 คน ก็เกิดขึ้นในปีนี้เช่นกัน ในกรณีของโรคมาลาเรียจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงจากปีก่อนหน้า
385 ราย ในปี 2020 และ 294 ราย ในปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็น 398 รายในปีนี้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือการรักษาโรคไข้เลือดออกหรือการติดเชื้อไวรัสซิกา
ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด หลังการเดินทาง ทั้งชายและหญิงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
เช่น การชะลอการตั้งครรภ์และการใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 3 เดือน
หากมีอาการน่าสงสัยปรากฏขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากถูกยุงกัดในประเทศที่มีความเสี่ยง ท่านควรไปยังสถานพยาบาล และแจ้งประวัติ การเดินทางล่าสุดของท่านกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และรับการวินิจฉัยรวมพร้อมรักษาอย่างทันท่วงที
กฎการป้องกัน
“ไข้เลือดออกและการติดเชื้อไวรัสซิกา”
▲ก่อนไปเที่ยว
- ตรวจสอบข้อมูลโรคติดเชื้อที่ควรทราบโดยการเยี่ยมชมได้จากเว็บไซต์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี
(kdca.go.kr)
- ทำความคุ้นเคยกับวิธีการป้องกันยุงและเตรียมผลิตภัณฑ์กันยุงและยาสามัญประจำบ้าน
(ยากันยุง, มุ้ง, ธูปไล่ยุง ฯลฯ)
▲ ขณะเที่ยว
- หลีกเลี่ยง
“ป่าหญ้า” และ “บนภูเขา” ที่มียุงเยอะที่สุด
- สวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเมื่อออกไปข้างนอก
และใช้ยากันยุง
- ยุงชอบสีเข้ม
ดังนั้นควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อนเมื่อทำกิจกรรม
- อยู่อาศัยในห้องแอร์
มีมุ้งลวดหรือมุ้งกันยุง
▲หลังจากเที่ยว
- เข้าไปที่สถาบันทางการแพทย์ในบริเวณใกล้เคียง
หากพบอาการที่น่าสงสัย (มีไข้, ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดข้อ, ผื่น ฯลฯ) ภายใน
2 สัปดาห์หลังจากกลับประเทศ
-เมื่อเข้าไปสถาบันทางการแพทย์
ให้แจ้งประวัติการไปต่างประเทศล่าสุดให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทราบ
- ห้ามบริจาคโลหิตในช่วงพักการบริจาคโลหิต (4 สัปดาห์)
Papaya Story
ความคิดเห็น
0