น่าเศร้าใจที่ในเกาหลี ยังคงมีกรณีที่แรงงานต่างชาติมักเสียเปรียบเมื่อเกิดปัญหาทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเองเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง <รูปภาพ=คณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริต>
ในเรื่องนี้
หน่วยงานของรัฐอย่างคณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริต
(ประธานคณะกรรมการ ยู ชอลฮวัน) ได้ออกมาแสดง จุดยืนและเข้ามาแทรกแซงกรณีที่แรงงานต่างชาติถูกปฏิเสธการเปลี่ยนสถานะการพำนักเป็นวีซ่าแรงงานที่มีทักษะเชี่ยวชาญ
K-point (E-7-4)
ทั้งที่ไม่ได้เป็นความผิดของตัวแรงงานเอง
แรงงานต่างชาติชาวเนปาล
นาย A ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการจ้างงานและแรงงานให้ขยายระยะเวลาการจ้างงาน
และได้ทำงานอย่าง ถูกต้องตามกฎหมาย
แต่บริษัทกลับไม่ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาการพำนักต่อกระทรวงยุติธรรม
ส่งผลให้เขาตกอยู่ในสถานะการพำนักอย่าง ผิดกฎหมายชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 13 กันยายน
2021
หลังจากนั้น
นาย A ได้ยื่นขอเปลี่ยนสถานะการพำนักเป็นวีซ่าแรงงานที่มีทักษะเชี่ยวชาญ K-point (E-7-4) โดยได้รับความช่วยเหลือจาก บริษัท
แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากมีประวัติการพำนักอย่างผิดกฎหมาย แม้ว่านาย A จะไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดเอง แต่กลับต้องเป็นผู้ที่ได้รับ ผลเสียโดยตรงในครั้งนี้
ในเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 25 คณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติได้แสดงความเห็นต่อกระทรวงยุติธรรม
โดยระบุว่า การปฏิเสธการเปลี่ยนสถานะการพำนักเป็นวีซ่าแรงงานที่มีทักษะเชี่ยวชาญ K-point (E-7-4) โดยมีสาเหตุจากสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของ
แรงงานต่างชาตินั้นไม่เป็นธรรม พร้อมทั้งเสนอให้อนุญาตการเปลี่ยนวีซ่า
และปรับปรุงแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริตกล่าวว่า
“ขั้นตอนการออกหนังสือรับรองการขยายระยะเวลาการทำงาน
โดยกระทรวงการจ้างงานและแรงงาน
และขั้นตอนการขยายระยะเวลาการพำนักโดยกระทรวงยุติธรรมนั้นแยกออกจากกัน
และหลายขั้นตอน ดำเนินการโดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการตัดสินใจของบริษัท
ไม่ใช่ตัวแรงงานต่างชาติ” พร้อมเผยว่า “หากแรงงานต่างชาติไม่สามารถเปลี่ยน
วีซ่าได้เพียงเพราะความผิดพลาดของสถานประกอบการที่ทำให้ไม่ได้รับอนุญาตขยายระยะเวลาพำนัก
แม้จะเป็นเพียงช่วงสั้นๆ ก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง”
คณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริต
เคยจัดทำแนวทางปรับปรุงระบบอนุญาตการจ้างงานแรงงานต่างชาติที่ไม่เป็นธรรม (วีซ่า E-9)
และได้แนะนำไปยังกระทรวงการจ้างงานและแรงงานเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว
พร้อมทั้งพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา
และช่วยเหลือเรื่องร้องเรียนของแรงงานเหล่านี้อย่างจริงจังควบคู่ไปกับการปรับปรุงระบบด้วย
อย่างไรก็ตาม
ยังไม่อาจทราบได้ว่ากระทรวงยุติธรรมจะยอมรับฟังความคิดเห็นของคณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริต
หรือไม่ เนื่องจากความคิดเห็นของคณะกรรมการไม่มีการบังคับใช้
จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาผ่านการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ
เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสิทธิพลเมืองและการต่อต้านการทุจริตกล่าวว่า
“แม้ว่าจะมีกรณีที่ความคิดเห็นของเราถูกยอมรับบ่อยครั้ง
แต่หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิเสธ ก็จะไม่มีทางแก้ไขที่เหมาะสม” และกล่าวเสริมว่า
“เราจะพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ระบบที่ไม่ เป็นธรรม
ได้รับการปรับปรุงอย่างสมเหตุสมผล”
คิมบับ_Mania
ท่านจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบเพื่อเขียนความคิดเห็น
ความคิดเห็น
0