สรุปบทความหนึ่งบรรทัด
เนื้อหาประกาศ
บทความต่อไปนี้เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการปรับตัวของผู้หญิงย้ายถิ่นชาวเกาหลีเหนือในงาน
“วันคืนสู่เหย้าของครอบครัวเมืองกุนโพ” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณอี
ยูรี ใช้ชีวิตอย่างทรหดและพยายามปรับตัวให้ เข้ากับชีวิตในเกาหลี แต่เธอก็ยังมีความหวัง
ขอแนะนำให้ท่านได้รู้จักกับเธอ
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่ออี ยูรี ตอนนี้ดิฉันกำลังเรียนภาคเรียนสุดท้ายของมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 บ้านเกิดของดิฉันคือเกาหลีเหนือ ซึ่งดิฉันสามารถ ไปได้แค่ในฝันแม้ว่าอยากจะไปก็ตาม หลังจากอาศัยอยู่ในเกาหลีเหนือเป็นเวลา 26 ปี ดิฉันเดินทางไปประเทศจีน ซึ่งดิฉันอาศัยอยู่เป็น เวลา 4 ปี และให้กำเนิดลูกชายคนปัจจุบัน
ดิฉันไม่มีบัตรประจำตัว
(อยู่อย่างผิดกฎหมาย) ดังนั้นดิฉันจึงใช้ชีวิตอย่างกลั้นหายใจทุกวัน ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (ตำรวจ) ก็เข้ามาจับกุม แต่โชคดีที่ดิฉันสามารถซ่อนตัวในพงหญ้าและรอดชีวิตมาได้
เมื่อลงมาจากภูเขา
ผิวของดิฉันถลอกปอกเปิกและมีเลือดสีแดงไหลออกมา ถ้าตำรวจมาจับอีกครั้ง คราวนี้ดิฉันคงไม่สามารถวิ่งหนีไปที่ ภูเขาพร้อมกับลูกในอ้อมแขนได้ ดังนั้นดิฉันจึงตัดสินใจไปเกาหลีกับลูกชายวัย 5 เดือน
ต้องเรียนรู้,
ต้องเรียนรู้
ดิฉันมาถึงเกาหลีพร้อมกับลูกชายวัยหัดเดินในปี
2017 ดิฉันได้ลองนั่งรถไฟใต้ดินดูแค่นั้นก็ทำให้ดิฉันมีความมั่นใจว่าตัวเองก็สามารถทำได้
เป็นครั้งแรก หลังจากนั้นด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาว ดิฉันได้งานที่ศูนย์กระจายสินค้าในเกาหลี
มันเป็นงานแพ็คกล่อง
แต่ดิฉันต้องแบกกล่องที่หนักที่สุดหนักซึ่งหนักถึง 50 กก. เพราะดิฉันพูดไม่ติดๆขัดๆและเป็นงานพาร์ทไทม์ใหม่
ดิฉันแค่ทำงานให้ดีที่สุดด้วยหัวใจที่ขอบคุณ
ในวันฤดูร้อนที่ร้อนจัด
ดิฉันทำงานในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศและเสื้อผ้าของดิฉันก็เปียก และเมื่อเข้าไปในสำนักงานอากาศก็เย็น
สบายจนไม่อยากออกไปข้างนอก ตอนนั้นดิฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งสบายๆ บนเก้าอี้และดิฉันถามหัวหน้างานว่า
“จะทำงานแบบนั้นได้ยังไง”
หัวหน้างานบอกว่าคุณต้องมีใบอนุญาตบัญชี
และนั่นคือตอนที่ดิฉันรู้ว่าถ้าคุณเรียนรู้คุณจะสามารถทำงานในที่ดีๆ และถ้าไม่เรียนรู้
จะต้องทำในสิ่งที่บอกให้ทำเท่านั้น
จากประสบการณ์ทำงานพาร์ทไทม์
ดิฉันรู้ว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันสมัครเข้าเรียนในสถาบันผู้ช่วยพยาบาลเอกชน
โดยไม่ลังเลโดยออกค่าใช้จ่ายเอง เรียนในตอนเช้าทำงานนอกเวลาในตอนบ่าย และฝึกงานในวันหยุดสุดสัปดาห์
และในเวลา 9 เดือน ดิฉันได้รับใบอนุญาตผู้ช่วยพยาบาล
การเลือกปฏิบัติต่อผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ
หลังจากนั้นดิฉันก็เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย
ลูกชายของดิฉันอายุ 4 ขวบ เมื่อตอนที่ดิฉันอยู่ปี 1 ในตอนเช้าดิฉันอุ้มลูกที่ยังลืมตาไม่ขึ้น
และเคาะประตูศูนย์รับเลี้ยงเด็กเป็นอย่างแรกและมารับช้าที่สุด ในฐานะแม่ ดิฉันก็รู้สึกผิดมากและก็ไม่อยากให้ลูกชายเห็นรูปร่างที่เหนื่อยล้า
แม่นั้นมักจะทำเหมือนว่าไม่เป็นไรและแข็งแรง
หลังเลิกเรียนดิฉันไปทำงานอาสาสมัคร, งานพาร์ทไทม์, งานกลุ่ม, และโครงการต่างๆ ของมหาลัย
ดิฉันนอนวันละไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง
เหตุผลที่ดิฉันพยายามอย่างหนักเป็นเพราะการเลือกปฏิบัติและอคติ
ตอนที่ดิฉันฝึกเป็นผู้ช่วยพยาบาล แม้ว่าดิฉันจะวางเครื่องมือฝึกผิดไป หนึ่งอัน ทันตแพทย์ก็พูดว่า
“คนๆ นั้นแปรพักตร์จากเกาหลีเหนือ นั่นเป็นเหตุผลที่เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร” เขากระซิบอยู่ข้างหลัง
ในขณะที่อาศัยอยู่ในเกาหลี ดิฉันได้สัมผัสกับความเจ็บปวดของการถูกเลือกปฏิบัติและการเป็นคนล่องหนเป็นอย่างไร
มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเพียงเพราะดิฉันมาจากเกาหลีเหนือ
ห้องน้ำเป็นสถานที่ที่สบายที่สุดสำหรับดิฉัน ในขณะที่รับคำปรึกษา ดิฉันตระหนัก ว่าไม่ใช่ดิฉันคนเดียวที่ถูกเลือกปฏิบัติ
แต่คนเกาหลีก็มีประสบการณ์คล้ายกันเมื่อพวกเขาเข้ามาในบริษัทเป็นครั้งแรก
ชีวิตที่ทรหด...ฉันจะไปทางไหน
ในขณะที่อยู่ในมหาวิทยาลัย
เมื่อดิฉันไม่รู้ดิฉันก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้เพราะมาจากเกาหลีเหนือ แต่กลับกลายเป็นว่ามีอาจารย์และเพื่อน
มากมายที่เต็มใจช่วยเหลือ ดิฉันไม่หยุดเรียนรู้และใช้วันหยุดเพื่อรับใบอนุญาตคอมพิวเตอร์และบัญชีที่จำเป็นสำหรับสวัสดิการสังคม
ชีวิตแบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
จนดิฉันไม่มีอิสระเลย ดิฉันมาที่สาธารณรัฐเกาหลีอย่างอิสระ แต่ไม่มีวันไหนที่สบายราวกับว่าดิฉันกำลังปั่น
อยู่บนลู่วิ่ง เมื่อดิฉันอยู่ปี 3 ดิฉันเริ่มคิดว่า “ทำไมฉันถึงใช้ชีวิตแบบนี้... ฉันจะวิ่งแบบนี้ไปที่ไหน?”
เหตุผลที่ดิฉันตัดสินใจเรียนนักสังคมสงเคราะห์เพราะว่าดิฉันรู้สึกตรึงใจกับความอบอุ่นของครูนักสังคมสงเคราะห์หลังจากที่ดิฉันมาถึงเกาหลี
ดิฉันไม่เคยได้ยินคำว่านักสังคมสงเคราะห์ในเกาหลีเหนือด้วยซ้ำ แต่ดิฉันรู้สึกประทับใจมากที่ครูนักสังคมสงเคราะห์อธิบายทุกอย่างด้วยวิธีที่
เข้าใจง่าย
แม้ว่าจะกังวล
แต่ฉันก็มีกำลัง
ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือมีความตั้งใจและความกระตือรือร้นที่จะทำทุกสิ่งหากได้รับความไว้วางใจ
มีหลายคนที่มีศักยภาพมากกว่า ที่คุณคิด ดิฉันทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะมาไกลได้ขนาดนี้
แต่ดิฉันกังวลเพราะต้องหางานทำหลังจากเรียนจบในปีหน้า
ดิฉันต้องหาเงินให้เพียงพอเพื่อเลี้ยงดูลูกชายของดิฉันและมีชีวิตที่มั่นคง
การสนับสนุนชั่วคราวมีประโยชน์มากเมื่อคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ ยากลำบากจริงๆ แต่ดิฉันคิดว่างานที่มั่นคงคือสิ่งสำคัญที่สุด
ดิฉันอยากเป็นที่ปรึกษาที่ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือสามารถพูดคุยด้วยได้อย่างสบายใจ
เพื่อที่จะทำอย่างนั้น ดิฉันคิดว่าต้องอ่อนน้อม ถ่อมตนมากกว่านี้และมีทักษะทางวิชาชีพ
นอกจากนี้ ดิฉันต้องการกระจายการให้คำปรึกษาไปยังชาวเกาหลีเหนือที่ไม่เคยได้ยินแม้แต่คำว่า
สวัสดิการหลังการรวมประเทศ และเยียวยาหัวใจที่เจ็บปวดของพวกเขาทุกคน
และดิฉันอยากจะบอกทุกคนที่พบว่า “ดิฉันสามารถทำอะไรก็ได้ถ้าดิฉันมีความตั้งใจและความปรารถนาที่จะทำเอง แม้ว่าจะมีการเลือกปฏิบัติ แต่ดิฉันก็มีพลังที่จะเอาชนะ การเลือกปฏิบัตินั้น” ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น
1